งูปี่แก้วลายแต้ม
- ชื่อสามัญ : Banded kukri snake
- ชื่อวิทยาศาสตร์ : Oligodon fasciolatus (Gunther, 1864)
- เป็นงูพิษอ่อนไม่เป็นอันตราย แต่ฟันคม
ลักษณะ
เป็นงูขนาดตัวเล็ก (จากปลายปากถึงรูก้น 620 มิลลิเมตร และหางยาว 150 มิลลิเมตร) หัว
แบนและส่วนของหัวกว้างกว่าลำคอ ส่วนปลายของหัวมนและมีแผ่นเกล็ดจมูก (rostral scale)
เป็นแผ่นใหญ่และหนา ตาเล็ก ลำตัวกลมและค่อนข้างสั้น หางค่อนข้างสั้น ผิวหนังลำตัวมีเกล็ด
ปกคลุม เกล็ดบนหัวเป็นแผ่นกว้าง เกล็ดบนหลังและทางด้านบนของหางเล็กและมีพื้นผิวเรียบ
เกล็ดท้องขยายกว้าง เกล็ดใต้หางเป็นแถวคู่ เกล็ดรอบลำตัวในตำแหน่งกึ่งกลางตัวจำนวน 21,22
เกล็ด เกล็ดท้องจำนวน 162 เกล็ด และเกล็ดใต้หางจำนวน 49 เกล็ด
ลำตัวมีด้านบนของหัวและบนหลังเป็นพื้นสีเทาหรือสีน้ำตาลเทาหรือสีน้ำตาลหรือสี น้ำตาลแดง บริเวณส่วนปลายของหัวมีแถบสีเข้มจากขอบปากบนผ่านตา (เฉพาะส่วนหน้าของ ตา) แล้วพาดขวางด้านบนของหัวไปด้านตรงข้าม ตัวแถบที่อยู่ตรงกลางหัวขยายกว้าง ทางด้าน ท้ายตามีแถบกว้างสีเข้มพาดเฉียงลงไปที่มุมขากรรไกร พื้นที่ระหว่างตาทั้งสองข้างและในแนว กลางของหัวมีแถบสีเข้มไปที่ท้ายทอยและตัวแถบขยายกว้างขึ้นแล้วแยกเป็นง่ามลงไปที่ด้านข้าง ของลำคอ (chevron-shaped mark) บนหลังในแนวกลางตัวไปถึงปลายหางมีปื้นใหญ่รูปร่าง ค่อนข้างกลมหรือรูปรีตามขวางพาดขวางเป็นระยะ (14 – 16 ปื้น) พื้นที่ตรงกลางระหว่างปื้นทุก ปื้นมีแถบสีเข้มแต่ไม่ชัดเจนพาดขวาง 3 แถบ
นิสัย
ออกหากินเวลากลางวันอยู่บนพื้นดิน แต่เลื้อยขึ้นต้นไม้ได้ดี เป็นงูที่กินไข่ของ
สัตว์เลื้อยคลานที่มีเปลือกไข่เหนียวและไม่คงรูป โดยฟันซี่ที่อยู่ทางด้านท้ายของขากรรไกรบนได้
ดัดแปรเพื่อใช้เฉือนเปลือกไข่ เป็นฟันซี่ใหญ่มีลักษณะแบนและโค้งที่มีรูปร่างคล้ายกับใบมีดที่เป็น
อาวุธประจำตัวของทหารกูรข่า (เป็นที่มาของชื่อ “kukri snake”) แต่กินสัตว์อื่นด้วย เช่น กิ้งก่า หนู
เป็นต้น มีนิสัยค่อนข้างดุและฉกกัดเมื่อถูกรบกวน และเมื่อถูกรบกวนมากจะพองลำตัวให้ใหญ่ขึ้น
และทำส่วนของลำคอแบนราบและขยายกว้างกว่าลำตัว
การแพร่กระจาย
จีน อินเดีย เมียนมาร์ ลาว เวียตนาม กัมพูชา ในประเทศไทยพบทุกภาคของ
ประเทศ พื้นที่อาศัย พื้นล่างของป่า
_________________________________
ขอบพระคุณที่มาจากwww.tistr.or.th/
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
________________________________
